นาฬิกาสำหรับวิ่งที่ดีที่สุดผสมผสานรูปแบบและฟังก์ชัน ให้การติดตามที่แม่นยำว่าคุณได้ไปได้ไกลแค่ไหนและวิ่งเร็วแค่ไหนในขณะที่อ่านง่ายเพียงเหลือบมอง
การติดตามด้วย GPS และการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจเป็นมาตรฐานสำหรับนาฬิกาวิ่งเกือบทั้งหมด นาฬิกาสำหรับวิ่งที่ดีที่สุดส่วนใหญ่ยังรองรับกีฬาประเภทอื่นๆ เช่น การปั่นจักรยานและการเดินป่า และส่วนใหญ่ยังกันน้ำได้ ดังนั้นนาฬิกาสำหรับวิ่งจะรอดจากพายุฝนหรือการออกกำลังกายในว่ายน้ำ
ฟีเจอร์แบบพรีเมียมมีราคาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่ปรับแต่งตามข้อมูลการฝึกส่วนบุคคล พื้นที่จัดเก็บเพลง ความสามารถขั้นสูงของสมาร์ทโฟน หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้หลายสัปดาห์แทนที่จะเป็นวัน ขนาดก็แตกต่างกันไปด้วย โดยนาฬิกาบางเรือนจะเหมาะกับข้อมือที่เล็กกว่าหรือใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า เราได้เลือกอุปกรณ์ชั้นนำในหมวดหมู่ต่างๆ โดยพิจารณาจากความง่ายในการใช้งาน การออกแบบ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และความพร้อมใช้งานของคุณสมบัติพิเศษ
ดูนาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดด้านล่าง
หมายเหตุ: นาฬิกาทุกเรือนในรายการนี้มาพร้อม GPS การตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ และการเชื่อมต่อบลูทูธ
นาฬิกาสำหรับวิ่งที่ดีที่สุดคืออะไร
นาฬิกาสำหรับวิ่งรอบด้านที่ดีที่สุดคือ Garmin Forerunner 245 Music ($349) ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนาฬิกา Garmin ที่ดีที่สุด มีทุกอย่างเกือบครบ คุณอาจต้องการในนาฬิกาวิ่ง: น้ำหนักเบา มีแบตเตอรี่ที่ดี เก็บเพลงได้มากถึง 500 เพลง และมีเซ็นเซอร์ติดตามกิจกรรมและคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณคาดหวังจาก Garmin ยอมรับว่าไม่มีฟีเจอร์สมาร์ตวอทช์บางส่วน แต่นาฬิกาส่วนใหญ่ในรายการนี้ก็เช่นกัน ซึ่งให้ความสำคัญกับความฟิตมากกว่าการโทร
หากคุณมีงบจำกัด Amazfit T-Rex ไม่มี การออกแบบที่เพรียวบางของนาฬิกาส่วนใหญ่ในตลาดปัจจุบัน แต่เป็นหนึ่งใน ดีที่สุด สมาร์ทวอทช์ราคาถูก มาพร้อมคุณสมบัติมากมาย รวมถึงเข็มทิศ เครื่องวัดระยะสูง และจอแสดงผล AMOLED ในราคา $140
ในทางกลับกัน หากคุณไม่สนใจป้ายราคาหนักๆ และอุปกรณ์ที่แข็งแรงพอๆ กัน Garmin fenix 6X Pro Solar ($ 1,149) จะช่วยให้คุณมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่นานหลายสัปดาห์และ (อาจ) มีความสามารถในการติดตามมากขึ้น ที่คุณรู้ว่าจะทำอย่างไรกับ นี่คือนาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กลางแจ้ง
นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้ในวันนี้
ตัวเลือกของเราสำหรับ นาฬิกาสปอร์ตที่ดีที่สุด ยังเป็นนาฬิกาวิ่งอันดับต้น ๆ ของเรา: Garmin Forerunner 245 Music อุปกรณ์น้ำหนักเบานี้มอบทุกสิ่งที่คุณต้องการในนาฬิกาสำหรับวิ่ง ตั้งแต่การติดตามที่แม่นยำไปจนถึงการควบคุมเพลง ไปจนถึงความสามารถในการสร้างการออกกำลังกายแบบกำหนดเองในราคาเท่ากับ Apple Watch อุปกรณ์นี้ยังให้การเข้าถึงเมตริกการฝึกซ้อมที่หลากหลายของ Garmin ซึ่งช่วยให้คุณไม่เพียงแค่วางแผนการออกกำลังกายแต่ยังรวมถึงเวลาพักฟื้นด้วย
จอแสดงผลแบบทรานส์เฟล็กทีฟของ Garmin Forerunner 245 Music อ่านได้ง่ายแม้อยู่กลางแสงแดดโดยตรง นอกจากนี้ คุณยังสามารถหยุดชั่วคราวและวิ่งต่อได้ด้วยการกดปุ่ม ซึ่งช่วยให้คุณจับตาดูถนนหรือเส้นทางได้ แทนที่จะมองลงไปที่นาฬิกาของคุณ แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานพอที่จะออกกำลังกายได้ไม่กี่ครั้ง แม้จะเล่นเพลงอยู่ก็ตาม
หากอุปกรณ์มีข้อเสีย นั่นคือการขาดระบบนิเวศของแอปของบุคคลที่สามที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอุปกรณ์ Garmin และนาฬิกาสำหรับวิ่งส่วนใหญ่
อ่าน Garmin Forerunner 245 ฉบับเต็มของเรา บทวิจารณ์เพลง.
หากคุณกำลังมองหานาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬาขั้นสูง ผู้เบิกทาง Garmin 945 ควรอยู่ในรายชื่อของคุณ ออกแบบมาสำหรับนักไตรกีฬา นักวิ่งเทรล และผู้คลั่งไคล้กีฬาความอดทนอื่นๆ Forerunner 945 นำเสนอเมตริกการฝึกและการพักฟื้นแบบเดียวกับ Forerunner 245 และ 745 ขณะที่เพิ่มเมตริกสำหรับการติดตามความร้อนและระดับความสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการพิจารณาความยากของการออกกำลังกายหลัก นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่ควรจะยาวพอที่จะรองรับนักวิ่งอัลตร้ามาราธอนในวันแข่งขัน
ที่สำคัญกว่านั้น ด้วยบริการ LTE ของ Garmin ผู้เบิกทาง 945 เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยส่วนบุคคลขั้นสูงสุด แม้ในขณะที่ไม่พบโทรศัพท์ของคุณ สมาร์ทวอทช์นี้สามารถส่งตำแหน่งของคุณไปยังผู้ติดต่อที่กำหนดและแจ้งให้ทราบเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน หากคุณเป็นคนที่ชอบผจญภัยคนเดียว 945 สามารถให้ความอุ่นใจแก่คุณ (และคนที่ห่วงใยคุณ)
อ่าน รีวิว Garmin Forerunner 945 LTE
น้ำหนักระหว่าง 29 ก. ถึง 36 ก. (ขึ้นอยู่กับการเลือกสายซิลิโคนหรือสายไนลอน) Coros Pace 2 เป็นหนึ่งในนาฬิกาวิ่งที่เบาที่สุดในตลาด นาฬิกายังมีสิ่งต่างๆ ให้เลือกสรรมากมาย ด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน”โหมดกลางคืน”แบบกำหนดเองที่ช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ง่ายขึ้นระหว่างการออกกำลังกายหลังพระอาทิตย์ตกดิน และโหมด Track Run โดยเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อขจัดความแปลกประหลาดของ GPS จากการออกกำลังกายตามเส้นทาง
นอกเหนือจากการวิ่งแล้ว Coros Pace 2 ยังมีโปรแกรมการฝึกความแข็งแกร่งด้วยการออกกำลังกายทั้งร่างกายส่วนบน ส่วนล่าง และแกนกลางมากกว่า 200 แบบ นอกจากนี้ยังมี”แผนที่ความร้อนของกล้ามเนื้อ”เพื่อแสดงตำแหน่งที่คุณทำงานมากที่สุดและน้อยที่สุด
หัวใจของมันคือนาฬิกาสำหรับนักวิ่ง Coros Pace 2 จะแสดงการแจ้งเตือนของสมาร์ทโฟน แต่ไม่มีการชำระเงินผ่านมือถือ พื้นที่จัดเก็บเพลง และความสามารถในการเพิ่มแอปของบุคคลที่สาม ซึ่งทั้งหมดนี้มีอยู่ในอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์
นาฬิกาสมาร์ทวอทช์บางรุ่นไม่ได้มีไว้เพื่อนาฬิกาวิ่งที่ดี หน้าจอสัมผัสอาจใช้งานยากด้วยนิ้วที่ขับเหงื่อหรือมือที่สวมถุงมือ โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่จะอยู่ได้ไม่เกินสองสามวันเช่นกัน หากไม่มีหน้าจอเปิดตลอดเวลา คุณจะต้องเขย่าข้อมือหรือกดปุ่มเพื่อเหลือบมองที่หน้าจอ
สมาร์ทวอทช์ที่ดีที่สุดสำหรับ นักวิ่งคือ Fitbit Sense แม้ว่าจะไม่อนุญาตให้คุณโทรออกโดยไม่ใช้สาย เช่น Apple Watch Series 6 หรือ Samsung Galaxy Watch 3 Fitbit Sense มีคุณสมบัติด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ดีขึ้น
Fitbit Sense สามารถอ่านค่า EDA และอุณหภูมิของผิวหนังได้ ซึ่งไม่มีในสมาร์ทวอทช์อื่นๆ และอุปกรณ์ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ ECG ที่ผ่านการรับรองจาก FDA คุณยังสามารถชมวิดีโอการออกกำลังกายแบบผสมผสานที่มีเฉพาะผู้ใช้ Fitbit เท่านั้น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยังดีกว่านาฬิกา Apple และ Samsung รุ่นล่าสุด ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่จำเป็นต้องชาร์จทุกวัน
อ่าน รีวิว Fitbit Sense
การฝึกเกินกำลังเป็นสาเหตุทั่วไปของการบาดเจ็บจากการวิ่ง ด้วยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์หลายประการ Polar Vantage V2 ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักวิ่งที่จริงจังฟื้นตัว สิ่งนี้ทำให้ฟังก์ชันสมาร์ทวอทช์มีจำกัดและคุณสมบัติการติดตามกิจกรรมมาตรฐานอื่นๆ
หลังการวิ่ง คุณสามารถใช้ Polar Vantage V2 เพื่อทำการทดสอบ Leg Recovery ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าต้องรอนานแค่ไหนก่อนที่จะวิ่งหนักครั้งต่อไป นาฬิการุ่นอื่นๆ ให้คำแนะนำในการกู้คืน แต่ตัวชี้วัดเฉพาะสำหรับขานั้นเป็นเอกลักษณ์ของ Polar Vantage V2 นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Nightly Recharge ยังให้คุณภาพการนอนหลับในบริบทของการฟื้นฟูการออกกำลังกายอีกด้วย การเสียบข้อมูลการออกกำลังกายลงใน Polar Flow ช่วยให้คุณสร้างแผนการฝึกและแชร์กับผู้ฝึกสอนหรือโค้ชส่วนตัว ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งในการป้องกันการบาดเจ็บ
The Garmin fenix 6X Pro comes with the same features of high-end Garmin watches such as the Forerunner 945, including mobile payments and native music storage, but with a rugged design suitable for the most remote of backcountry adventures.
Along with health and fitness monitoring and the usual types of workouts, you can also track your golf games and ski runs with the Garmin fenix 6X Pro Solar. You also get an altimeter, barometer, and thermometer. Sunlight will charge the watch, adding up to 28 hours to the 120 hours you get by using the watch in Max Battery mode. Put the watch in Battery Saver mode and get enough sunlight for solar charging and the battery will last as many as 120 days.
Make no mistake, though: The Garmin fenix 6X Pro Solar is huge. The case alone— 54g for the Titanium model and 66g for the Steel model —weighs more than most watches, plus there’s another 30 or so grams for the band. At 51mm, too, the watch will take up a sizable portion of your wrist. Fortunately, you can swap out metal bands for silicone if the device is weighing you down.
Read our full Garmin fenix 6X Pro Solar review.
For some runners, changes to form can lead to faster times and reduce the likelihood of injury. Runners interested in measuring and improving their form should look no further than the Coros Apex.
When paired with the Coros Performance Optimization Device ($69), which clips to the back of your shorts or pants, the Coros Apex will collect several metrics related to running form, including stride length and height, cadence, and stride angle. This data helps you identify how to make your running form more efficient. It’s one of the best running watches because it also uses activity data to provide training plan recovery recommendations.
In addition, the Coros Apex comes with tracking and navigation features that let you upload maps onto a grid with compass settings. This is handy if you plan to venture onto a running route for the first time or plan to take the watch into the backcountry for trail runs or hikes.
The slightly larger Coros Apex Pro ($499) has a touchscreen, a battery that lasts 40 hours in GPS mode, and blood oxygen and pulse oximeter sensors.
The Garmin Forerunner 45 is the ideal “starter” running watch. It’s comfortable and easy to use, featuring Garmin’s typical circular design with three buttons on the left and two buttons on the right. Higher-end Garmin watches may get a GPS signal faster, but the Forerunner 45 will get the job done, and give you at-a-glance access to the data you need during and after your run to make sure your training is on track.
Through Garmin Connect, you can access training plans that are personalized to your specific running metrics on the Forerunner 45. This is a step up from both Nike or Under Armour training plans or similarly priced smartwatches like the $200 Galaxy Watch Active and the Apple Watch Series 3. However, the Forerunner lacks a lot of smartwatch features, and it’s designed to look like a running watch first and foremost, so it may not be the ideal pick for a runner who wants something more stylish and functional after a run.
Read our full Garmin Forerunner 45 review.
Google’s Wear OS watch operating system has been hit or miss, as devices have suffered from complex setup and use as well as limited battery life. When it comes to running watches, the Suunto 7 is the best of the bunch.
Like most Suunto devices, the Suunto 7 is a rugged watch that can handle plenty of outdoor activities. B-but as a Wear OS watch, it also has a touchscreen suitable for everyday use. Along with supporting offline maps, the watch offers access to heatmaps for popular spots for running and other activities in cities around the world, given you ideas for where to work out (or where to avoid) the next time you travel.
While the Suunto does have better battery life than the typical Wear OS watch (-12 hours in GPS mode and close to 48 hours in everyday mode)-it’s less than most other running watches in its price range. Turning on low-power mode or locking the screen will extend the battery life during exercise, but this limits the ability to see key data such as distance and pace. In addition, the Suunto 7 provides a training log and recovery recommendations, but it doesn’t offer recommended workouts.
If you can get past the bulky design the Amazfit T-Rex is a worthwhile option for runners who want an inexpensive watch that’s durable enough for the great outdoors.
The Amazfit T-Rex features an AMOLED touchscreen, which is rare for watches under $150. The screen locks once you start a workout, though, which not only prevents accidental taps but eliminates the frustration of trying to navigate the watch with sweaty fingertips. During workouts, the buttons allow you to navigate. The watch will also provide metrics such as altitude and compass position during workouts, another rarity for watches in its price range.
The Amazfit T-Rex and its accompanying app don’t come with the fitness analysis capabilities that a range of other running watch makers offer. While that may be a downside for some runners, those who find the metrics distracting or work with a dedicated running coach may appreciate a watch that doesn’t have a lot of bells and whistles.
Read our full Amazfit T-Rex review.
The Garmin vivoactive 4 is Garmin’s best smartwatch for runners. On the outside, it has the touchscreen you expect from a smartwatch and the easy push button controls you expect from a Garmin. It doesn’t have the AMOLED display of the Garmin Venu, but that also means the battery lasts longer — 18 hours in GPS mode and up to 8 days in smartwatch mode.
The main selling point of the Garmin vivoactive 4S is what’s inside: Garmin’s activity and sleep tracking capabilities, plus the ability to create custom workouts or complete preloaded workouts. Those features aren’t available on other smartwatches, and they make up for the limited availability of third-party apps. The watch does support mobile payments and music storage, which are key features for runners.
Size is another benefit of the Garmin vivoactive 4S. At 40mm and 40g, this watch is designed for runners with smaller wrists. The Garmin vivoactive 4 is a slightly larger version of this watch, at 45mm and 50.5g, which puts it more in line with the Forerunner 945.
Read our full Garmin vivoactive 4S review.
How to choose the best running watch for you
If you want a running watch that can also be an everyday watch, overall design and appearance are key considerations. Will it clash with a dress or blazer, or will it get caught on the sleeve of a sweater or shirt? The availability of third-party apps or the ability to sync with your phone are important if you want a running watch with some smartwatch capabilities.
On the other hand, if you only plan to use the watch in the great outdoors, smartwatch features will likely matter less than battery life, support for tracking multiple activities, and overall durability.
How we choose the best running watches
Even today’s low-end running watches typically come with GPS sensors, heart rate monitors, and step counters. In addition to evaluating watches on these features, we look at more advanced functionality such as VO2 Max data, sleep tracking, music storage, and the presentation of training data such as recovery time and recommended workouts.
Our reviewers are experienced runners who test devices on several runs in open spaces, around tall buildings, and in the woods. We pay attention to accuracy, ease of use, and comfort during our runs, and we evaluate each watch and its companion app together after our runs. We wear watches for several days to compare battery performance to manufacturers’ claims.
If a running watch also has smartwatch capabilities, we look at the software, application ecosystem, and use of special features such as mobile payments or notification responses.