T-Mobile ทำงานร่วมกับบริษัทเครือข่าย Nokia และผู้ออกแบบชิป Qualcomm ประกาศวันนี้ว่าความเร็วอัปลิงค์ถึง 200Mbps ระหว่างการโทรข้อมูล 5G โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่าการรวมผู้ให้บริการอัปลิงค์ และสิ่งนี้เกิดขึ้นบน”เครือข่าย 5G แบบสแตนด์อโลนที่ใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์”เป็นครั้งแรก เครือข่าย 5G แบบสแตนด์อโลนสร้างขึ้นบนแกน 5G ช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับความเร็วในการอัปโหลดที่เร็วขึ้นและเวลาแฝงที่ต่ำมาก T-Mobile มีเครือข่าย 5G แบบสแตนด์อโลนที่สมบูรณ์แห่งเดียวในสหรัฐอเมริกา ตามผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ความเร็วในการอัปลิงค์ที่ 207Mbps นั้นเร็วที่สุดที่เคยบันทึกไว้ในสเปกตรัมต่ำกว่า 6GHz ความเร็วในการอัปลิงค์ที่เร็วขึ้นจะช่วยให้สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากขึ้นจากอุปกรณ์ของลูกค้าในอัตราที่เร็วขึ้น ซึ่งควรปรับปรุง”การสตรีมวิดีโอสด/การโทร การเล่นเกม และ Extended Reality (XR)”นอกจากการใช้อุปกรณ์เครือข่ายของ Nokia แล้ว T-Mobile ยังใช้สมาร์ทโฟนทดสอบโดยใช้ Snapdragon 5G Modem-RF System ของ Qualcomm เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน T-Mobile ได้ลองทดสอบแบบเดียวกันนี้ในห้องแล็บซึ่งมีความเร็วใกล้เคียงกัน การประกาศในวันนี้เกี่ยวข้องกับการทดสอบเดียวกันที่ดำเนินการบนเครือข่าย 5G แบบสแตนด์อโลนที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ เพื่อเรียกใช้การทดสอบในเงื่อนไขที่สอดคล้องกับเงื่อนไขในชีวิตจริงมากขึ้น การรวมตัวของผู้ให้บริการ 5G ทำให้ T-Mobile สามารถรวมสองช่องสัญญาณเพื่อเพิ่มแบนด์วิธ ซึ่งจะให้ความเร็วข้อมูลที่เร็วขึ้น
T-Mobile ได้รับความเร็วของข้อมูลอัปลิงค์ที่รวดเร็วในการทดสอบโดยใช้การรวมผู้ให้บริการ 5G
ในการทดสอบ T-Mobile กล่าวว่าได้รวมช่องสัญญาณ 5G สองช่องที่ประกอบด้วยคลื่นย่านความถี่กลาง (2.5GHz Ultra Capacity 5G และ 1900MHz). ผู้ให้บริการเปรียบเทียบสิ่งนี้กับการรวมทางหลวงสองสายเข้าด้วยกันและเปลี่ยนเป็นทางหลวงพิเศษที่ช่วยให้การจราจร”ซูมเร็วขึ้นกว่าเดิม”ลูกค้า T-Mobile ที่มีอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้จะเริ่มใช้ประโยชน์จากการรวมผู้ให้บริการ 5G UL (อัปลิงก์) ในต้นปีหน้าเมื่อ T-Mobile เริ่มเปิดตัว
Ulf Ewaldsson ประธานฝ่ายเทคโนโลยีของ T-Mobile กล่าว ,”T-Mobile เป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้วย 5G แบบสแตนด์อโลนตั้งแต่ปี 2020 และเรายังคงผลักดันความก้าวหน้าที่พัฒนาเทคโนโลยี 5G ไปทั่วโลก เรากำลังสร้างเครือข่าย 5G ที่ทันสมัยที่สุดในโลก เปิดประตูสู่นวัตกรรมขนาดใหญ่ และวางรากฐานสำหรับความสามารถใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวเรา”