แม้ว่าคุณจะเรียกใช้ Raspberry Pi ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้เคส หลายคนต้องการเคส ที่สามารถปกป้องคอมพิวเตอร์บอร์ดเดียวในขณะที่นำเสนอการออกแบบที่น่าดึงดูด การระบายความร้อนในตัว หรือแม้แต่คุณสมบัติพิเศษ จำนวนเคส Raspberry Pi ที่มีอยู่เกือบเท่ากับตำแหน่งทศนิยมในตัวเลข Pi แต่การเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับรุ่นและกรณีการใช้งานของคุณอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ไม่มีเคส Raspberry Pi ที่ดีที่สุดเพียงตัวเดียวสำหรับ การใช้งานทั้งหมด เพราะสิ่งที่คุณต้องการสำหรับศูนย์สื่อนั้นแตกต่างจากสิ่งที่คุณต้องการสำหรับโครงการผู้สร้าง ด้านล่างนี้ เราได้ระบุเคส Raspberry Pi ที่เราชื่นชอบ รวมถึงตัวเลือกที่ไม่เพียงแต่สำหรับ Raspberry Pi 4 รุ่นปัจจุบัน แต่ยังรวมถึง Raspberry Pi 3 series และ Raspberry Pi Zero/Zero W ขนาดเล็กอีกด้วย

  • คุณต้องการ GPIO/Camera/Display Access หรือไม่ มีหลายกรณีจำกัดหรือบล็อกการเข้าถึงพิน GPIO ของคุณโดยสิ้นเชิง ซึ่งคุณต้องแนบ Raspberry Pi HAT ที่ดีที่สุด และไฟ มอเตอร์ และเซ็นเซอร์อื่นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ให้พิจารณาว่าคุณวางแผนที่จะใช้หมุด GPIO หรือไม่ และคุณจำเป็นต้องวาง HAT ไว้บน Pi ของคุณโดยตรง หรือคุณสะดวกที่จะใช้สายแพเพื่อเชื่อมต่อกับหมุด เนื่องจากบางกรณีอนุญาตเท่านั้น กล้อง CSI และพอร์ตแสดงผล DSI อาจถูกบล็อกในบางกรณีเช่นกัน
  • การระบายความร้อนแบบไหน? บางเคสมาพร้อมกับพัดลมในตัว ในขณะที่บางเคสใช้การระบายความร้อนแบบพาสซีฟโดยเปลี่ยนส่วนบนของเคสให้เป็นฮีทซิงค์ ยังมีอีกหลายคนออกจากห้องสำหรับพัดลมแต่ไม่ได้มาพร้อมกับพัดลม หากคุณกำลังซื้อเคสสำหรับ Raspberry Pi 4 การระบายความร้อนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณกำลังทำฟาร์ม Chia หรือ วางแผนที่จะใช้งาน Windows 11
  • ต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม แม้ว่าจะมีเคสทั่วไปมากมายที่ถือ Raspberry Pi ไว้ แต่ก็มีเคสอื่นๆ ที่มีการออกแบบหรือการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ บางกรณีอนุญาตให้คุณวาง Pi ที่ด้านหลังของหน้าจอหรือมาพร้อมกับหน้าจอที่แนบมา รุ่นอื่นๆ มีไว้เพื่อให้ดูเหมือนหรือใช้งานได้เหมือนคอนโซลเกมย้อนยุค
  • ถ้าไม่มีเคสสำเร็จรูปจะดีกว่าไหม สำหรับโครงการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์ทางกายภาพอื่นๆ คุณอาจได้รับการบริการที่ดีกว่าโดยไม่ใช้เคสเลย หรือสร้างเคสของคุณเองที่รวมสายไฟ ปุ่ม หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่คุณต้องการ
  • คุณเป็นเจ้าของ Raspberry Pi แล้วหรือยัง ด้วย เปิดตัว Raspberry Pi 400 เราเห็น Raspberry Pi 4 4GB ที่แก้ไขแล้วภายในเคสคีย์บอร์ด เรามีการเข้าถึง GPIO ระบายความร้อนได้ดี แต่ไม่มีการเชื่อมต่อสำหรับกล้อง Raspberry Pi หรือหน้าจอสัมผัสอย่างเป็นทางการ หากคุณเพิ่งเริ่มใช้งาน Raspberry Pi 400 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ดีที่สุด เคส Raspberry Pi ที่หาซื้อได้แล้ววันนี้

ภาพที่ 1 จาก 4

Argon Neo

( เครดิตรูปภาพ: Tom’s Hardware)
ภาพที่ 3 จาก 4

Argon Neo

(เครดิตรูปภาพ: Tom’s Hardware)
ภาพที่ 4 จาก 4

Argon Neo

(เครดิตรูปภาพ: Tom’s Hardware)

1. Argon Neo

รูปลักษณ์สวยงามมีสไตล์ ระบายความร้อนได้ดี

รุ่นที่รองรับ: Raspberry Pi 4 | การเข้าถึง GPIO: ใช่ | การเข้าถึงพอร์ต CSI: ใช่ | การเข้าถึงการ์ด microSD: ใช่ | คูลลิ่ง: แบบพาสซีฟ (สามารถเลือกใช้งานได้) | ขนาด: 3.75 x 2.8 x 1.1 นิ้ว (9.53 x 7.15 ซม. x 2.75 ซม.) | น้ำหนัก: 3.98 ออนซ์ (113 กรัม)

ทำงานร่วมกับ HATs, โมดูล CSI/DSI

การระบายความร้อนแบบพาสซีฟที่ยอดเยี่ยม

ดูโฉบเฉี่ยว

ฝาครอบแม่เหล็กแบบเลื่อนได้

อุณหภูมิผิวอุ่นเมื่อทำความเย็นแบบพาสซีฟ

ต้องถอดฝาครอบออกเพื่อใช้ HAT

สำหรับเคส Raspberry Pi ส่วนใหญ่จะมีข้อแลกเปลี่ยนที่สำคัญ ทำระหว่างการปกป้อง Pi ของคุณ ดูเป็นมืออาชีพ และเสนอการเข้าถึงหมุด GPIO ที่สำคัญทั้งหมด เคส Neo ของ Argon ช่วยให้คุณมี Pi และเชื่อมต่อได้เช่นกัน

Argon Neo เป็นอะลูมิเนียมสีเทากันเมทัลที่สวยงามที่ด้านบนและด้านข้าง โดยมีด้านล่างเป็นพลาสติกสีดำมันวาว แผ่นอะลูมิเนียมครอบคลุมพื้นผิวของ Raspberry Pi 4 และใช้แผ่นระบายความร้อนที่ให้มาเพื่อยึด CPU และ RAM กับโลหะเพื่อการระบายความร้อนแบบพาสซีฟ อย่างไรก็ตาม เพลทนี้มีช่องเจาะขนาดใหญ่สำหรับพิน GPIO และพอร์ต CSI/DSI คุณสามารถใส่ HAT ขนาดมาตรฐานเข้ากับ Argon Neo ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้สายต่อหรือสายแพ มีซอกเล็กๆ ทางด้านขวาของเคส เหนือพอร์ต USB ซึ่งคุณสามารถประกอบโมดูลกล้อง Raspberry Pi ได้

ฝาครอบแม่เหล็กแบบถอดได้จะครอบทับด้านบนและเสริมความงามที่โฉบเฉี่ยวให้สมบูรณ์ แต่ถ้าคุณวางแผนที่จะใช้ HAT หรือโมดูลกล้อง คุณจะต้องถอดฝาครอบที่สวยงามออก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดฝาครอบ คุณจะได้รับการระบายความร้อนแบบพาสซีฟที่แข็งแกร่งมาก แม้จะ Raspberry Pi 4 โอเวอร์คล็อกเป็น 2.1 GHz และ การทดสอบ stressberry CPU อุณหภูมิไม่เคยเกิน 78 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำกว่าจุดเค้น 85 องศามาก

(Image credit: Tom’s Hardware)

2. Pimoroni Pibow Coupe 4

ใช้งานได้หลากหลายที่สุด

รุ่นที่รองรับ: ราสเบอร์รี่ Pi 4 | การเข้าถึง GPIO: ใช่ | การเข้าถึงพอร์ต CSI: ใช่ | การเข้าถึงการ์ด microSD: ใช่ | คูลลิ่ง: นำมาเอง | ขนาด: 3.9 x 2.6 x 0.6 นิ้ว (99 x 66 x15 มม.) | น้ำหนัก: 1.76 ออนซ์ (50 กรัม)

เข้าถึงพอร์ต GPIO, กล้องได้อย่างง่ายดาย

การออกแบบที่มีสีสัน

ไม่มีระบบระบายความร้อนในตัว

ต้องแยกชิ้นส่วนเพื่อถอดออก 

หากลำดับความสำคัญของคุณคือการเข้าถึงพิน GPIO ได้ง่าย คุณจึงเพิ่ม HAT, Raspberry Pi 4, Pimoroni’s Pibow Coupe ได้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณ รถเก๋งไม่ได้ปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ด้านบนเพื่อให้มันใบหมุด GPIO ไม่มีสิ่งกีดขวางอย่างสมบูรณ์และยังมีห้องเพียงพอที่จะใช้สายเคเบิลทั้งกล้องและการแสดงผลพอร์ต CSI หากคุณชอบสีสันสดใส รุ่นสีรุ้ง (มีทั้ง”สีแดง”และ”นินจา”หรือที่รู้จักกันในนามสีดำ) จะทำให้โต๊ะทำงานของคุณสว่างขึ้น

ไม่มี Pibow Coupe ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนใด ๆ แต่ CPU ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยสิ่งใด ๆ ดังนั้นคุณสามารถแนบฮีทซิงค์ พัดลม HAT หรือพัดลมชิมของ Pimoroni (ตัวเลือกที่เราโปรดปรานเหล่านี้) ซึ่งเพียงแค่เลื่อนผ่านหมุด GPIO 12 ตัวแรก แต่ช่วยให้คุณ เพื่อใส่หมวกไว้ด้านบน

กล่องพลาสติกสีสันสดใสของ Pimoroni ถูกประกอบเข้าด้วยกันเป็นชั้นๆ โดยวางซ้อนกันรอบๆ Pi แล้วขันให้แน่น ซึ่งหมายความว่าคุณต้องถอดประกอบเคสทั้งหมดเพื่อถอดคอมพิวเตอร์ออกจากกล่อง นอกจากนี้ยังปล่อยให้ส่วนหนึ่งของพื้นผิวด้านบนของ Pi และพื้นที่ด้านข้างรอบพอร์ตเปิดออกสู่อากาศ ซึ่งหมายความว่าจะไม่ป้องกันหรือซ่อน Pi ของคุณมากเท่ากับกรณีอื่นๆ นั่นเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าสำหรับการเข้าถึงพินและตัวเชื่อมต่อทั้งหมดอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีโมเดล Pibow ที่คล้ายกันสำหรับ Raspberry Pi 3 B+ , 3 A+ และ Pi Zero/Zero W.

เคส Raspberry Pi Zero

(เครดิตรูปภาพ: Tom’s ฮาร์ดแวร์)

3. เคส Raspberry Pi Zero อย่างเป็นทางการ

รุ่นที่รองรับ: Raspberry Pi Zero | การเข้าถึง GPIO: ใช่ | การเข้าถึงพอร์ต CSI: ใช่ | การเข้าถึงการ์ด microSD: ใช่ | คูลลิ่ง: ไม่มี | ขนาด: 4.09 x 3.11 x 1.61 นิ้ว (104 x 79 x 41 มม.) | น้ำหนัก: 0.81 ออนซ์ (23 กรัม)

เข้าถึง GPIO หรือกล้องได้ง่าย

ฝาปิดแบบถอดเปลี่ยนได้

น้ำหนักเบา

ชุดสี Raspberry Pi อย่างเป็นทางการ

สามารถเข้าถึง GPIO หรือ Camera ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถทำได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน

ในขณะที่เรารู้สึกผิดหวังกับเคส Raspberry Pi สำหรับ Raspberry อย่างเป็นทางการ Pi 4 อาจปกป้อง Pi แต่ไม่สามารถรักษา Pi ให้เย็นได้แม้จะระบายความร้อนด้วย ที่ออกแบบมาอย่างดี โดยชุดพัดลมอย่างเป็นทางการ กรณีอย่างเป็นทางการของ Pi Foundation สำหรับ Pi Zero เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม กล่องพลาสติกทำจากพลาสติกสีแดงและสีขาวที่เข้ากับชุดสี Raspberry Pi อย่างเป็นทางการ ดังนั้นผู้พิถีพิถันจึงพอใจกับความสวยงาม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โดดเด่นในเคส Raspberry Pi Zero คือ lib ที่ถอดออกได้ ชุดนี้มาพร้อมกับฝาปิดสามอัน: อันหนึ่งที่มีทักษะอย่างสมบูรณ์ อีกอันโดยเปิดหมุด GPIO และอีกอันที่สามมีรูกลมสำหรับติดตั้งกล้องโดยเฉพาะ สายแพสำหรับกล้องขนาดเล็กรวมอยู่ในเคสด้วย คุณจึงเชื่อมต่อโมดูลกล้องได้อย่างง่ายดายและมองเข้าไปในรู โดยไม่ทิ้งสายหย่อนไว้ด้านใน

หากคุณต้องการมีกล้องธรรมดาๆ สามารถพกพาหรือใช้เป็นRaspberry Pi body camera เคส Raspberry Zero อย่างเป็นทางการเหมาะสำหรับคุณ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีและมีสไตล์ในการปกป้อง Pi Zero ของคุณในขณะที่ยังสามารถเข้าถึงพิน GPIO ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม คุณอาจต้องใช้ตัวขยายสัญญาณหากต้องการใส่ HAT ไว้บนเคส

ภาพที่ 1 จาก 3

SmartiPi Touch 2

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 2 of 3

SmartiPi Touch 2

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 3 of 3

SmartiPi Touch 2

(Image credit: Tom’s Hardware)

4. SmartiPi Touch 2

Turns Your Raspberry Pi into a Video Kiosk

Models Supported: Raspberry Pi B+,2B,3B,3A+,3B+, and 4 | GPIO Access: Yes | CSI Port Access: Yes | microSD Card Access: Partially obstructed by wires | Cooling: Optional fan | Size: 8.5 x 5.5 x 4 inches (216 x 140 x 102 mm) | Weight: 13.6 ounces (386 grams)

Works with most models of Pi

Built-in camera slot for video chat

Optional fan cage

Plenty of ways to mount case

Instructions could be better

The SmartiPi Touch 2 allows you to combine Raspberry Pi’s official 7-inch touch screen with a camera module and just about any Raspberry Pi board (except the Zero) to create an awesome kiosk-style device. You mount the official touch screen in the SmartiPi Touch, which provides a space on the back to screw on your Pi and a camera hole as well.

Once put together, the SmartiPi Touch 2 can live on a table where you can adjust its angle up or down and/or use screws to permanently attach it to a surface. It even has space on the back for an optional VESA mount.

The camera area of the front comes with three different face plates, one that has room for the camera and is flat, one that has no camera hole and one that has a camera hole but also lego-compatible studs you can build on.

When it comes to protecting the Raspberry Pi itself, you have a few choices. The SmartiPi Touch 2 comes with a fan cage that you can snap in place over the Pi or plain, black fanless cover with a hole for GPIO pins. Or you could do what we did and screw the Pi in but forgo the covers so you have plenty of room to attach a HAT as needed.

Image 1 of 4

Retroflag NESPi

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 2 of 4

Retroflag NESPi

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 3 of 4

Retroflag NESPi

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 4 of 4

Retroflag NESPi

(Image cre dit: Tom’s Hardware)

5. Retroflag NESPi Case

Best for Retrogamers with Pi 3

Models Supported: Raspberry Pi 2 or 3 | GPIO Access: No | CSI Port Access: No | microSD Card Access: Partially obstructed by wires | Cooling: slot for fan (not included on all SKUs) | Size: 6.1 x 5.12 x 2.36 inches (155 x 130 x 60mm) | Weight: 8.1 ounces (230 grams)

Works with most models of Pi

Built-in camera slot for video chat

Optional fan cage

Plenty of ways to mount case

Instructions could be better

It’s easy enough to install RetroPie on your Raspberry Pi and run old-school Nintendo games at home. However, it helps the overall experience to get a case that looks the part.

The Retroflag NESPi looks just like an old-fashioned Nintendo Entertainment System console from the 1980s, but inside, there’s room for a Raspberry Pi 2 or 3 (Pi 4 owners will have to look elsewhere).

Where most Raspberry Pi cases are designed with holes that perfectly correspond to the USB port locations, the Retroflag NESPi uses a series of internal port extenders to please the ports in locations that are more appropriate for a console. Two USB ports sit on the front where you’d expect controllers to attach while another two plus USBs plus Ethernet sit in the cartridge slot. There are real power and reset buttons with the power button offering safe shutdown rather than just yanking the power.

The main drawback we found is that it was a real challenge to squeeze our Raspberry Pi 3 B + into it, connect all the tiny cables inside and get it to line up with the screw holes. The bundled instructions add to the confusion. There’s easy access to the microSD card slot, but forget about attaching anything to the GPIO or CSI/DSI connectors. Retroflag sells different versions of this case with some including a fan and/or controllers.

Image 1 of 5

Silve rStone PI02

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 2 of 5

SilverStone PI02

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 3 of 5

SilverStone PI02

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 4 of 5

SilverStone PI02

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 5 of 5

S ilverStone PI02

(Image credit: Tom’s Hardware)

6. SilverStone PI02

Best for Silent Passive Cooling

Models Supported: Raspberry Pi 4 Model B | GPIO Access: Limited | CSI Port Access: ? | microSD Card Access: Yes | Cooling: Passive | Size: 3.7 x 1.3 x 2.6 inches (94 x 34 x 65 mm) | Weight: 4.1 ounces (116 grams)

Good thermal conductivity

Silent

Heatsink connection is a little “scrappy”

GPIO access is woeful

If you are looking for a passively cooled case for your Raspberry Pi powered home server, then SilverStone’s PI02 should be on your shopping list. This all aluminum case comes in two pieces which slot on top of one another. Inside the lower piece are four raised screw points used to secure the Raspberry Pi 4 to the case and prevent the Pi from slipping and shorting.

The top section of the case has a series of stylized fins which aid in the removal of heat and provide a certain “industrial” aesthetic.

Inside the case and with the Raspberry Pi 4 secured in place, we use adhesive thermal pads to connect aluminum heatsinks from the CPU and USB chip to the case. In doing so the heat from the board is spread to the top layer of the case, using the fins to increase the efficiency of the heat removal process.

The SilverStone Pi02 is a case for those that wish to use their Raspberry Pi 4 as a desktop computer or as a server. It provides great cooling and while it may not look fancy, it does have a robust, industrial look to it.

Read: SilverStone PI02 Review 

(Image credit: Tom’s Hardware)

7. Retroflag GPi Case

Turns your Pi Zero into a Handheld Arcade

Models Supported: Raspberry Pi Zero | GPIO Access: No | CSI Port Access: No | microSD Card Access: Yes | Cooling: None | Size: 5.31 x 3.19 x 1.26 inches (135 x 81 x32 mm) | Weight: 6.5 ounces (183 grams)

Gameboy Like Experience

Comes with everything you need, except the Pi

Colorful screen

Long battery life

Pi Zero is only powerful enough for certain games 

If you’ve ever wished you could play on a Raspberry Pi Zero like you play on a Nintendo Game Boy, the Retroflag GPi case will absolutely make your wish come true. Aside from the Pi Zero itself and microSD card, the GPi Case comes with everything you need to create a portable, handheld gaming experience.

You just attach a Raspberry Pi Zero or Zero W to a little box that looks like an old-school Game Boy cartridge and then plug it into the case, which has a 2.8-inch IPS screen, along with a D-pad, four game buttons and select/start buttons. It also features a headphone jack for easy audio out and an on/off switch that can provide safe shutdown for your Raspberry Pi.

Like an old-school handheld game system, the GPi Case uses a set of three AA batteries and, in our experience, the device can go for hours on a charge. Though you don’t have access to GPIO pins or video out, you can swap the microSD card when you remove the cartridge section. The GPi Case really lives up to its potential, but keep its form factor and the limitations of the Pi Zero mean that you won’t want to play high-end games from other consoles (ex: Nintendo 64) on it.

Image 1 of 3

Argon ONE M.2

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 2 of 3

Argon ONE M.2

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 3 of 3

Argon ONE M.2

(Image credit: Tom’s Hardware)

8. Argon One M.2

Solid, SATA SSD, reliable cooling with good looks

Models Supported: Raspberry Pi 4 | GPIO Access: Through a hatch | CSI Port Access: Through the top | microSD Card Access: Yes | Cooling: Fan | Size: 5.5 x 3.7 x 1.5 inches (140 x 93 x 40 mm) | Weight: 9.5 ounces (269 grams)

M.2 SATA SSD

Good cooling

Ports routed to rear

Full size HDMI

Awkward GPIO access

Oversized USB 3.0 connector

The Argon One M.2 is a stylish, but large piece of kit which measures 140mm long, 93mm wide and 40mm tall. It looks like a prop from Star Trek and is made with an aluminium top piece, and a plastic lower section where an M.2 SATA hard drive can be installed and connected to a USB 3 port on the Raspberry Pi 4 via a custom USB connector. The Pi 4 is placed sideways inside the case and a custom circuit board is used to breakout the micro HDMI and composite ports to the chassis. There is another custom circuit board inside the case, and this contains a small 5V cooling fan and a USB C port to power the Pi 4. All of the ports are located at the back, thanks to the custom circuit board and novel orientation of the Pi 4. There is also a power button that allows for power on and safe shutdown.

A magnetic hatch on the top of the case provides access to the GPIO, a colour coded GPIO with all the pin references printed on the case! HATs can be used with the case but you may need to use a header extension to ensure that the board clears the aluminium top of the Argon One M.2. Just next to this GPIO hatch is a small slot useful to route the Pi Camera and official display cables through.

This case provides great cooling, easy access to the GPIO and provides a simple means to add reliable SATA mass storage. The form factor is stylish if perhaps a little too big. The Argon One M.2 is superb, and if you need great cooling, SATA storage and access to the GPIO in a stylish package, this is a good choice.

Read: Argon One M.2 Review

Image 1 of 2

Pimoroni Aluminium Heatsink Case for Raspberry Pi 4

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 2 of 2

Pimoroni Aluminium Heatsink Case for Raspberry Pi 4

(Image credit: Tom’s Hardware)

9. Pimoroni Aluminium Heatsink Case for Raspberry Pi 4

Simple passive cooling

Models Supported: Raspberry Pi 4 | GPIO Access: Yes (with extender) | CSI Port Access: No (can thread wire before putting case on) | microSD Card Access: Yes | Cooling: Passive | Size: 3.43 x 2.2 x 1 inches (87 x 55.9 x 25 mm) | Weight: 4.2 ounces (119 grams)

Easy access to the GPIO and ports

Available in many different colors

Requires thicker thermal pads for best heat conductivity

CSI and DSI not accessible after case on

Access to PoE pins is troublesome

The Aluminium Heatsink Case from Pimoroni comes as a two part metal kit with four hex screws, this case is super simple to assemble, requiring only that we apply the thermal pad to the CPU, then close up the case. It is worth investing in some thicker thermal pads or heatsink compound in order to make the best contact from the Pi to the case.

This case is very usable and does provide enough cooling to run a Pi 4 all day. It provides clear access to the GPIO, but HAT boards will need to use a header extension to prevent accidental shorts. Access to PoE pins, CSI and DSI connections are possible, but must be made before securing the case.

All of the ports are exposed and accessible, including the microSD card port which is easy to access even for large hands. Consider this case if you need silent cooling, and do not plan to overclock.

Image 1 of 2

Jun-Electron for Raspberry Pi 4 Case with Fan

(Image credit: Tom’s Hardware)
Image 2 of 2

Jun-Electron for Raspberry Pi 4 Case with Fan

(Image credit: Tom’s Hardware)

10. Jun-Electron for Raspberry Pi 4 Case with Fan

Great low profile, cost effective active cooling

Models Supported: Raspberry Pi 4 | GPIO Access: Limited | CSI Port Access: Limited | microSD Card Access: Yes | Cooling: Passive | Size: 3.43 x 2.20 x 0.98 inches (87 x 56 x 25 mm) | Weight: 4.3 ounces (122 grams)

Easy access to the GPIO and ports

Available in many different colors

Passive and active cooling is impressive

Fan power supply blocks access to some GPIO pins 

At first glance this looks just like Pimoroni’s case, and yes it is very close. But this version is both passively and actively cooling the Raspberry Pi 4 via a two part aluminum construction and two 20mm fans which are powered directly from the 5V and GND pins of the GPIO. Which does mean that HAT connectivity is blocked, but individual GPIO pins are available for use.

Passively cooling the Raspberry Pi, the performance is similar to Pimoroni’s version. But adding the fans drops the temperatures significantly and the combined cooling this case can keep your Pi cool under load for a full day.

The case is made of two parts and they are secured together using four hex screws. The case offers the same access to ports as Pimoroni’s, including making connections to the CSI and DSI before closing the case. Fan noise is low, and no louder than a typical laptop fan running at idle. If you want a solid case with good cooling then this is an ideal choice.

Akasa Gem Pro (Image credit: Tom’s Hardware)

11. Akasa Gem Pro

A “gem” of a case for your Raspberry Pi 4

Models Supported: Raspberry Pi 4 | GPIO Access: Yes | CSI Port Access: Yes | microSD Card Access: Yes | Cooling: Passive | Size: 3.7 x 2.9 x 1.3 inches (95 x 74 x 34mm) | Weight: 10.4 ounces (296 grams)

Impressive passive cooling

Unique design

Limited GPIO access

Sharp corners

This head turning case really stands out from the crowd thanks to a gem pattern design on top of the sandblasted silver anodised aluminum. The case has a textured matte finish and clean edges. Around the case are cutouts for all the major ports on the Pi. Camera and Display cables will need to be routed via the slot about the micro SD cutout. A separate GPIO slot is low on the case, requiring a breakout board for general use.

This case is made for cooling and the all aluminum construction provides fantastic cooling. Inside the case are two blocks of aluminum, designed to make contact with the CPU, USB controller and the power management chip using a mixture of thermal compound and pads. The heat is efficiently drawn away from the Raspberry Pi 4 into the case and everything is kept cool, a maximum of 50 Celsius in our tests, even when overclocked to 2.1GHz.

The case may be larger than typical Raspberry Pi 4 cases, and the gem pattern may not be to everyone’s taste but there is no denying that this unique looking case is one of the best passively cooled cases for the Raspberry Pi 4.

Read: Akasa Gem Pro Raspberry Pi Case Review

Other Raspberry Pi Cases Tested

 In researching this page, we ended up testing and considering a number of additional products, some of which were quite good, but didn’t quite deserve to be called “the best.” These include:

  • Raspberry Pi 4 Official Case: This case has the correct Raspberry Pi colors and aesthetic, but it doesn’t offer much in the way of features. With its over on, there’s no access to the GPIO pins or camera and there’s no hole or mount for a fan either.
  • Retro Power NES Retro Brick: We really like this case, but it’s not very practical. Made out of 307 Lego-compatible bricks, the case looks just like an old-school NES. We had a lot of fun putting this together, the most fun we had with any case, but it completely blocks access to your microSD card and the only way to remove your Pi is to take off a bunch of bricks and rebuild it afterwards. It also doesn’t fit a Pi 4 (though a 3 fit) and doesn’t have any built-in cooling.
  • Miuzei Case for Raspberry Pi 4: This $10 case is a really good bargain and comes with a fan and a heatsink. It’s also an attractive shade of blue, a welcome color change from all the silver and black cases on the market. The GPIO pins are available but too low in the case to add a HAT to, without using some kind of extender or ribbon cable. Our main beef with the Miuzei is that, while building the, a layer of the plastic cracked in half just from our screwing in the fan. We managed to put it together anyway, but that was a disappointment.

Discounts on the Best Raspberry Pi Cases

Whether you’re shopping for one of the best Raspberry Pi cases or one that didn’t quite make our list, you may find savings by checking out the latest SparkFun promo codes, Newegg promo codes, Amazon promo codes or Micro Center coupons.

Categories: IT Info